Defensible space Theory
Defensible Space Theory หรือ ทฤษฎีพื้นที่ป้องกันอาชญากรรม ผู้บุกเบิกยุคแรก ๆ คือ Jane Jacobs ได้ใช้วลีคำว่า “eyes on the street หรือ ดวงตาบนถนน” ซึ่งใช้ในบทความเรื่อง The Death and Life of Great American Cities ปี 1961 เพื่ออธิบายถึงสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นมา ประกอบด้วย พื้นที่สาธารณะ ให้มีสามารถมองเห็นได้อยู่เสมอ Jacob วิพากษ์วิจารณ์ถึงหลักการวางผังเมืองสมัยใหม่ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยขาดการติดต่อทางสังคมจากกันและกันและจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพ เธอได้ให้การสนับสนุนเรื่อง การเพิ่มความหนาแน่นของพื้นที่ และการวางแนวโครงสร้างใหม่ของอาคารให้หันไปทางถนน Jacob เพิ่มข้อโต้แย้งว่าพื้นที่เปลี่ยว มืด และมีลักษณะปิดระหว่างอาคารนั้นจะก่อให้เกิดอาชญากรรมบนท้องถนน ในขณะที่ทัศนวิสัยแบบโล่งกว้างบริเวณชุมชนเมืองจะทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งการเกิดอาชญากรรมได้ดีกว่า แนวคิดของเธอได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอิทธิพลต่อทั้งการนำไปปฏิบัติและได้มีนักทฤษฎีที่พยายามอธิบายเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันอาชญากรรมเพิ่มเติมจากแนวคิดนี้อีกด้วย หลังจากนั้นไม่นาน Oscar Newman ได้ขยายแนวคิดงานของ Jacobs พัฒนาเป็นทฤษฎีพื้นที่ป้องกันของสถาปนิกและนักวางผังเมือง Oscar Newman ครอบคลุมแนวคิดเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมและความปลอดภัยของพื้นที่ใกล้เคียง Newman ให้เหตุผลว่าการออกแบบสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญในการเพิ่มหรือลดอาชญากรรม ทฤษฎีนี้พัฒนาขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1970 และเขาได้เขียนหนังสือเล่มแรกในหัวข้อ Defensible Space ในปี 1972 หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยการศึกษาจาก New York ที่ชี้ให้เห็นว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมใน high-rise housing projects สูงกว่า low-rise complexes โดยสรุปว่าเป็นเพราะผู้อยู่อาศัยรู้สึกว่าไม่มีการควบคุมหรือความรับผิดชอบส่วนตัวสำหรับพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมากครอบครอง ตลอดการศึกษาของ Newman มุ่งเน้นไปที่การอธิบายแนวคิดเกี่ยวกับการควบคุมทางสังคม การป้องกันอาชญากรรม และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบชุมชน จึงกล่าวได้ว่า Defensible Space Theory เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยการยืนยันว่าการออกแบบพื้นที่ทางกายภาพมีอิทธิพลต่อวิถีการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่และบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตเมือง