ทฤษฎีความเครียดทั่วไป (GST) เป็นทฤษฎีอาชญาวิทยาที่พัฒนาโดย Robert Agnew ทฤษฎีความเครียดทั่วไปได้รับความสนใจทางวิชาการเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่มีการพัฒนาในปี ค.ศ.1992 ทฤษฎีความเครียดทั่วไปของ Robert Agnew ถือเป็นทฤษฎีที่มั่นคงเนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์จำนวนมาก
Agnew กล่าวว่า ทฤษฎีความกดดันที่นำเสนอโดย Robert King Merton นั้นถูกจำกัดในแง่ของการกำหนดขอบเขตของแหล่งที่มาของความเครียดที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เยาวชน จากข้อมูลของ Merton อธิบายว่า สมาชิกในสังคมที่อยู่ในสถานะที่ตึงเครียดทางการเงินแต่ต้องการบรรลุความสำเร็จ จะหันไปประกอบอาชญากรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายที่พึงปรารถนา Agnew สนับสนุนสมมติฐานนี้ แต่เขาเชื่อว่าการจัดการกับเยาวชนยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นพฤติกรรมอาชญากร รวมถึงประสบการณ์เชิงลบสามารถนำไปสู่ความเครียดไม่เพียงแต่จะเกิดจากปัจจัยทางการเงินเท่านั้น
ทฤษฎีความเครียดทั่วไปของ Agnew (1992) มีความโดดเด่นจากการมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์เชิงลบกับผู้อื่น และยืนยันว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวนำไปสู่การกระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโกรธ Agnew สันนิษฐานว่า “ความเครียดมีแนวโน้มที่จะมีผลต่อการกระทำผิด หากความเครียดสะสมมากถึงเกณฑ์ที่กำหนด”
Empirical Study
จากการศึกษาของ Barn and Tan (2012) พบว่า คนหนุ่มสาวที่เคยประสบกับการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม การว่างงาน การกีดกันในโรงเรียนบ่อยขึ้น การไร้ที่อยู่อาศัยเป็นเวลานาน ได้รับการรายงานว่า มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาญา ในขณะที่ผู้ที่มีทักษะชีวิตในระดับที่สูงขึ้นมีโอกาสน้อยที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาญา ผลของการศึกษานี้ตอกย้ำสมมติฐานทางทฤษฎีอย่างชัดเจนว่า ยิ่งบุคคลมีความเครียดในชีวิตมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งอ่อนไหวต่อการกระทำที่เบี่ยงเบนมากขึ้นเท่านั้น
Agnew และ Broidy (2001) ได้พยายามเปรียบเทียบอัตราการกระทำผิดของผู้ชาย กับการกระทำผิดของผู้หญิง โดยวิเคราะห์ความแตกต่างทางเพศระหว่างการรับรู้ถึงความเครียดและการตอบสนองต่อความเครียด จากการวิจัยเกี่ยวกับความเครียดที่ Agnew และ Broidy ศึกษาพบว่า ผู้หญิงมักจะประสบกับความเครียดมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ ผู้หญิงมักมีความเครียดตามอัตวิสัยสูงกว่าด้วย จากการศึกษา ค้นพบดังนี้
Agnew และ Broidy (2007) ตั้งสมมติฐานต่อไปว่า อาจมีความแตกต่างระดับความเครียดในผู้ชายและผู้หญิง ไม่เพียงแต่แตกต่างในประเภทของความเครียด แต่ยังแตกต่างในการตอบสนองทางอารมณ์ต่อความเครียดด้วย ซึ่งสามารถอธิบายได้ตามตารางดังต่อไปนี้
การวิจัยระบุว่า ผู้หญิงอาจขาดความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในตนเองที่อาจเอื้อต่อการก่ออาชญากรรม โดยใช้วิธีหลบหนีสังคมเพื่อบรรเทาความเครียด อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงอาจมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้นซึ่งอาจช่วยลดความเครียดได้ กล่าวกันว่าผู้ชายมีการควบคุมทางสังคมที่ต่ำกว่าและเข้าสังคมเป็นกลุ่มใหญ่ ในทางกลับกัน ผู้หญิงมีความผูกพันทางสังคมที่แน่นแฟ้นในกลุ่มเล็กๆ ดังนั้น ผู้ชายจึงมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อความเครียดด้วยการก่ออาชญากรรม
References
- Agnew, R. (1992). Foundation for a general strain theory of crime and delinquency. Criminology, 30, (1), 47-87.
- Barn, R., & Tan, J. P. (2012). Foster youth and crime: Employing general strain theory to promote understanding. Journal of Criminal Justice, 40(3), 212-220.
- Broidy, L. M. (2001). “A Test of General Strain Theory”. Criminology. 39: 9–36.
- Agnew, R (2001). Building on the Foundation of General Strain Theory: Specifying the Types of Strain Most Likely to Lead to Crime and Delinquency. Journal of Research in Crime and Delinquency, 38(4), 319 – 361.
- O Grady, Willam (2007). Crime in Canadian Context: Debates and Controversies. Oxford University Press. 106–109.