Social Learning Theory หรือ ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม

ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) ของ Ronals L. Akers คือ การพัฒนาและการขยายทฤษฎี Differential Association ของ Sutherland โดยทฤษฎีการคบหาสมาคมที่แตกต่าง (Differential Association Theory) ระบุว่า พฤติกรรมทางอาญาเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ไม่ได้ระบุกลไกในการเรียนรู้พฤติกรรมดังกล่าว ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมสามารถเข้าใจได้อย่างกว้างๆ ว่าเป็นแนวทางพฤติกรรมทางสังคมที่เน้น “ปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างความรู้ความเข้าใจ พฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม” ของพฤติกรรมมนุษย์ (Bandura, 1977) การพัฒนาทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม สามารถสืบย้อนไปถึงงานของ Robert L. Burgess และ Ronald L. Akers ในปี 1966 ดังที่นำเสนอในผลงาน เรื่อง “A differential Association-reinforcement theory of crime behaviour” งานนี้รวมทฤษฎีทางสังคมวิทยาก่อนหน้านี้ของความทฤษฎีการคบหาสมาคมที่แตกต่าง กับทฤษฎีการเสริมแรง พื้นที่การศึกษานี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชญวิทยากระแสหลักด้วยการตีพิมพ์ผลงานของ Ronald L. Akers […]

Rational Choice Theory หรือ ทฤษฎีคิดก่อนกระทำผิด

ในทางอาชญาวิทยา ทฤษฎีคิดก่อนกระทำผิด หรือ ทฤษฎีการเลือกอย่างมีเหตุผล (Rational Choice Theory)ใช้แนวคิดเรื่องอรรถประโยชน์ (Utilitarian) ที่ว่า มนุษย์เป็นผู้มีเจตจำนงเสรี (Free will) และมีเหตุมีผล ซึ่งก่อนการตัดสินใจจะกระทำสิ่งใดจะมีการคำนึงถึงผลเสียและผลประโยชน์ ทฤษฎีนี้นำเสนอโดย Cornish และ Clarke (1986) เพื่อช่วยต่อยอดในการป้องกันอาชญากรรมตามสถานการณ์ ทฤษฎีการเลือกอย่างมีเหตุผล (Rational Choice Theory) และทฤษฎีการป้องกันหรือการยับยั้งข่มขู่ (Deterrence Theory) เป็นทฤษฎีหลักในสำนักอาชญาวิทยาดั้งเดิม (Classical School) มุมมองการเลือกอย่างมีเหตุผล ถือว่ามนุษย์มีอำนาจและความสามารถในการเลือกกระทำอย่างอิสระ โดยทั่วไปในกรอบการเลือกอย่างมีเหตุผลยังเป็นหลักการของ “อรรถประโยชน์” ของการมีส่วนร่วมในพฤติกรรมบางอย่าง ความหมายว่าเมื่อเราดำเนินการตามกระบวนการตัดสินใจ มนุษย์จะคำนวณผลเสียและประโยชน์ก่อนเสมอ การเลือกที่มีเหตุผลจะใช้สติสัมปชัญญะเพื่อเพิ่มความพึงพอใจและลดความเจ็บปวดให้น้อยที่สุด ตามหลักการอรรถเป็นประโยชน์นี้ บุคคลเลือกที่จะมีส่วนร่วมในอาชญากรรมได้อย่างอิสระเพราะมองว่าอาชญากรรมเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจและผลได้ประโยชน์ ความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุมีผลกับพฤติกรรมทางอาญามีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มุมมองเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์เริ่มเข้ามาแทนที่แนวคิดเรื่องการก่ออาชญากรรมจากหลักศาสนา ซึ่ง Thomas Hobbes แย้งว่า มนุษย์มีเหตุและผลที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของตนโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น มากกว่าหนึ่งศตวรรษต่อมา แนวคิดบางส่วนจากงาน Hobbes ถูกนำไปใช้กับพฤติกรรมอาชญากรรมเพื่อเริ่มวางรากฐานสำหรับอาชญาวิทยาคลาสสิก จากผลงานของ Beccaria (1764) […]

Routine Activity Theory หรือ ทฤษฎีปกตินิสัย

ทฤษฎีปกตินิสัย (Routine Activity Theory) ถูกเสนอครั้งแรกโดย Marcus Felson และ Lawrence E. Cohen (1979) ในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเกิดอาชญากรรมในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 1947 และ 1974 ทฤษฎีนี้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง และกลายเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในอาชญาวิทยา ทฤษฎีปกตินิสัยศึกษาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างอาชญากรรมกับสิ่งแวดล้อมและเน้นกระบวนการทางนิเวศวิทยา การเปลี่ยนแปลงในสังคมสมัยใหม่ ผู้คนให้ความสำคัญกับกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การมีส่วนร่วมของสตรีในกำลังแรงงาน และการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษา การเดินทางออกนอกเมือง หรือการย้ายถิ่นฐานถาวร กิจกรรมนอกบ้านเหล่านี้ ทิ้งบ้านให้ว่างเปล่าและไม่มีการป้องกันที่ดีส่งผลให้เกิดโอกาสในการก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในช่วงเวลานี้ทำให้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในบ้านเพิ่มขึ้น (เช่น โทรทัศน์) สิ่งมีค่าเหล่านี้ทำให้บ้านน่าดึงดูดมากขึ้น และง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ทฤษฎีปกติวิสัย อธิบายเหตุการณ์อาชญากรรมผ่านองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ที่บรรจบกันในโอกาสและเวลาในชีวิตประจำวัน1. A Potential Offender ผู้ที่อาจกระทำความผิดซึ่งมีความสามารถในการก่ออาชญากรรม 2. A Suitable Target เป้าหมายหรือเหยื่อที่เหมาะสม 3. The absence of guardians capable การไม่มีผู้ปกครองที่สามารถปกป้องเป้าหมายและเหยื่อได้ […]